กฎหมาย ช่างไฟฟ้าอาคาร " หนังสือรับรองความรู้ความสามารถ " วิธีการขอ ฉบับเข้าใจง่าย !!!
อ้างอิงจาก พ.ร.บ. ส่งเสริมการพัฒนา
ฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557
ซึ่งบังคับใช้ตั้งแต่ 26 ตุลาคม 2559
ระเบียบกำหนดไว้ว่า ช่างทุกคน
ที่จะประกอบอาชีพ เดินไฟฟ้าภายในอาคาร
ต้องผ่านการทดสอบ
เพื่อให้มี "หนังสือรับรองความรู้ความส
( หรือที่พวกเราเรียกกันว่า "ใบไลเซ็นซ" )
ทีนี่ละครับมากมายหลายคำถาม
แล้วการจะมีหนังสือรับรองคว
มันต้องทำยังไง ต้องยื่นเรื่องสอบที่ไหน
แล้วต้องคุณสมบัติแบบไหนถึง
วันนี้ผมจึงตั้งใจมาแชร์ข้อ
เพื่อให้ทุกคนเข้าใจกันครับ
ว่าแล้วไปดูรายละเอียดกันที
หากใครมีข้อสงสัยก็สอบถามเพ
02 - 390-0264 และ 02-390-0261 ต่อ 125,127
เป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องน
ปล. ที่โรงเรียนไม่ได้เปิดสอบนะ
ก่อนที่เราจะไปสอบเพื่อขอ
ใบรับรองความรู้ความสามารถไ
เราต้องผ่านการทดสอบฝีมือแร
ช่างไฟฟ้าภายในอาคารระดับ 1 ก่อนครับ
ดังนั้น สิ่งแรกที่เราควรทำคือ
เราต้องไปทดสอบฝีมือแรงงานก
โดยจะมีเงื่อนไขขั้นต่ำในกา
1. มีอายุเกิน 18 ปีเต็ม เรียบร้อย
คือขาด 1 วันก็ไม่ได้นะถ้าว่าตามระเบ
ดังนั้นถ้าอายุไม่ถึงก็หมดส
2. เรียนจบต้องไม่ต่ำกว่า ปวช.3
( เทียบเท่า ม.6 )
ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับอาชี
3. มีประสบการณ์ทำงานในอาชีพอย
หรือ ทำงานจริงในกิจการในสาขาที่
ไม่น้อยกว่า 250 ชั่วโมง
หรือ ผ่านการฝึกอบรม ในสาขาช่างไฟฟ้า
ภายในอาคารไม่น้อยกว่า 540 ชั่วโมง
ถ้ามีครบทั้ง 3 ข้อที่ผมบอกมา
ก็สามารถไปสมัครเพื่อขอ
ทดสอบฝีมือแรงงานได้ครับ
เมื่อเราสอบผ่านการทดสอบฝีม
ช่างไฟฟ้าภายในอาคารระดับ 1 มาแล้ว
ต่อไป คือการยื่นขอใบ
“หนังสือรับรองความรู้ความส
โดยจะขอได้ที่ กรมพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด
(ดูได้ที่นี้ว่ามีที่ไหนบ้า
หรือ หน่วยงานของรัฐ / องค์กรอาชีพ ก็ได้ครับ
โดยอาจต้องโทรถามทางกรมกันเ
โทรได้ที่ 02-390-0264 และ 02-390-0261 ต่อ 125,127
คราวนี้เวลาเราไปขอเนี้ย ผมมี 4 ขั้นง่ายๆ ให้คือ
ขั้นแรก เตรียมเอกสารให้ครบ
1. แบบ คร.10
คำขอหนังสือรับรองความรู้คว
Download : http://www.dsd.go.th/oloc/
2. รูปถ่าย ขนาด 1 x 1.5 นิ้ว
"พื้นหลังสีขาว" จำนวน 2 รูป
โดยเราต้องถ่ายไม่เกิน 6 เดือนเท่านั้น
3. สำเนาบัตรประชาชน
4. สำเนาใบรับรองผ่านการทดสอบ
มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ
ถ้าไม่มีใบนี้ต้องไปทดสอบก่
5. สำเนาวุฒิการศึกษาของเรา
สาขาไฟฟ้าหรือสาขาที่เกี่ยว
6. ใบรับรองประสบการณ์การทำงาน
ที่เกี่ยวกับงานไฟฟ้า
โดยอาจจะให้ที่ทำงานออกให้
7. สำเนาใบรับรองผู้ผ่านการฝึก
สัมมนา หลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับงา
.
ควรจะมีให้ครบตามนี้เพราะเอ
เช่นข้อ 5 ,6 และ 7 จะเป็นตัวเพิ่ม
เปอร์เซ็นต์การสอบผ่านให้เร
ขั้นที่ 2 ยื่นเอกสาร + จ่ายตังค์
เมื่อเตรียมเอกสารพร้อมแล้ว
ก็ไปติดต่อศูนย์ที่ใกล้บ้าน
พร้อมยื่นเอกสาร และเสียเงิน 1,000 บาท
จากนั้นเลือกวันที่จะเข้ารั
ตามวันที่ศูนย์เป็นคนกำหนด
(เรากำหนดเองไม่ได้)
ขั้นที่ 3 เข้ารับการประเมินตามกำหนดน
เมื่อถึงวัน ห้ามลืม ห้ามขาด
ห้ามสาย ห้ามตาย
ไปให้ตรงวันและเวลานัด
ขั้นที่ 4 รอผลการประเมิน
ตามระเบียบแล้วควรจะแจ้งผล
ภายใน 5 วันทำการ
เอาละครับต่อไปเราจะมาพูดถึ
การประเมินกันบ้างครับ ^_^
โดยจะแบ่งออกเป็น 3 เกณฑ์หลักๆ ด้วยกัน คือ
1. ผ่านมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่ง
น้ำหนัก 50% ของคะแนนทั้งหมด โดย
ต้องมีความรู้ความสามารถ ทักษะฝีมือและ
ทัศนคดิในการทำงาน ผ่านการทดสอบ
มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ
2) ประสบการณ์ น้ำหนัก 25% ของคะแนน
ทั้งหมด โดยเข้าจะดูจากการศึกษา การทำงาน
การฝึกอบรม การสัมมนา
ซึ่งถ้าเราเตรียมเอกสารมาดี
ก็รับไปเนื้อๆ ฟรีๆ 25%
3) คุณลักษณะส่วนบุคคลที่แสดงถ
ศักยภาพในการประกอบอาชีพหรื
น้ำหนัก 25% ของคะแนนทั้งหมด
อันนี้คือ การสัมภาษณ์ครับ
โดยจะมีเจ้าหน้าที่มาพูดคุย
เกี่ยวกับ การจัดการปฏิบัติงาน,
สภาพแวดล้อมการปฏิบัติงาน,
การเรียนรู้เกี่ยวกับสถานที
ความสัมพันธ์ในการทำงาน,
ปัจจัยอื่นๆ ในการทำงาน
ผลการประเมินก็จะแบ่งออ
ผลประเมิน < 85% = ไม่ผ่านการประเมิน
ต้องขอเข้ารับประเมินใหม่
ผลประเมินตั้งแต่ 85% ขึ้นไป = ผ่านการประเมิน
โดยจะได้รับหนังสือรับรองคว
หนังสือมีอายุ 5 ปี ต้องต่ออายุก่อน
หนังสือรับรองหมดอายุไม่เกิ
หากท่านใดอยากทราบรายละเอีย
ดูได้จากลิงค์ด้านล่างที่ผม
ข้อมูลจากกรมพัฒนาฝีมือแรงง
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหว
สำหรับข้อมูลติดต่อสามารถดู
https://goo.gl/9jyiwN